1
0
0
Level1
1
1
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นเป็นสวรรค์ของนักกินผู้สรรหาอาหารอร่อย  ยิ่งเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวโตเกียว – เมืองที่ครองแชมป์มีจำนวนร้านอาหารที่ได้ Michelin Stars มากที่สุดในโลกโดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างปารีสไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว – แม้ทริปนี้จะมาแบบงบน้อยใช้สอยประหยัด ก็ยังอยากลองฝีมือร้านติดดาวมิชลินดูซักมื้อเป็นประสบการณ์กับเค้าบ้างล่ะค่ะ  ซึ่งร้าน Nakajima หรือที่มีชื่อเต็มยาวๆว่า  Shinjuku Kappo NAKAJIMA นี่เองคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์สุดๆ****-Profile-****Nakajima เป็นร้านสไตล์ Kaiseki ระดับ 1 Michelin Star ซึ่ง owner chef  คือคุณ Sadaharu Nakajima นั้นมีประวัติครอบครัวเป็นหลานปู่ของ Teijiro Nakajima ผู้เป็น Head Chef
Read full review
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นเป็นสวรรค์ของนักกินผู้สรรหาอาหารอร่อย  ยิ่งเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวโตเกียว – เมืองที่ครองแชมป์มีจำนวนร้านอาหารที่ได้ Michelin Stars มากที่สุดในโลกโดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างปารีสไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว – แม้ทริปนี้จะมาแบบงบน้อยใช้สอยประหยัด ก็ยังอยากลองฝีมือร้านติดดาวมิชลินดูซักมื้อเป็นประสบการณ์กับเค้าบ้างล่ะค่ะ  ซึ่งร้าน Nakajima หรือที่มีชื่อเต็มยาวๆว่า  Shinjuku Kappo NAKAJIMA นี่เองคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์สุดๆ

****-Profile-****

Nakajima เป็นร้านสไตล์ Kaiseki ระดับ 1 Michelin Star ซึ่ง owner chef  คือคุณ Sadaharu Nakajima นั้นมีประวัติครอบครัวเป็นหลานปู่ของ Teijiro Nakajima ผู้เป็น Head Chef คนแรกของร้านอาหาร Hoshigaoka Saryo  ซึ่งเป็นของศิลปินชื่อดังในยุคโชวะคือ  Rosanjin Kitaoji – เรียกได้ว่ามีเชื้อสายสืบทอดฝีมือด้านทำอาหารฝังมาใน DNA เลยทีเดียวค่ะ    เมนูที่ร้าน Nakajima เชี่ยวชาญเป็นพิเศษนั้นจะเป็นพวก Owan  หรือซุปสไตล์ญี่ปุ่น   แต่สิ่งที่ทำให้ร้านนี้โดดเด่นเป็นที่ฮือฮากันมากก็คือ lunch set ราคาประหยัดที่ทำให้อิ่มได้ในงบไม่ถึง 1,000 เยนนี่เอง  บอกได้คำเดียวว่าคุ้มสุดๆค่ะ

****-เวลาทำการ-****

ทางร้านจะแบ่งเวลาทำการเป็น  2 ช่วง (แต่ชุดเซ็ทราคาประหยัดจะมีเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น) ตามนี้ค่ะ

Lunch = 11:30-14:00 (Last Order 13:45)

Dinner = 17:30-21:30 (Last Order 20:00)

มื้อค่ำนี่ถ้าใครอยากมาทานสามารถสำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์ได้  แต่มื้อกลางวันจะไม่รับจองค่ะ ดังนั้นก็เลยได้เห็นคิวยาวต่อแถวกันจากหน้าร้านเลื้อยขึ้นบันไดต่อไปถึงริมถนนเป็นเรื่องปกติ  ทำให้แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย  ปรากฎว่าเอาเข้าจริงก็รอไม่นานเท่าที่กลัว  เพราะทางร้านบริหารจัดการเป็นระบบดี เคลียร์ลูกค้าได้ว่องไว อย่างเราไปถึงตอนเที่ยงของวันธรรมดาพอดีเป๊ะ ซึ่งกำลังเป็นช่วงพีคของวันนั้นเลย ก็รอคิวประมาณ 30 นาทีได้  ซึ่งถ้าไปถึงก่อนร้านเปิด หรือเลยบ่ายโมงไปแล้ว คิวก็จะสั้นกว่านี้ (น่าจะประมาณ 20 นาที)  แต่ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ก็อาจรอนานกว่านี้ได้นะคะ 
24 views
0 likes
0 comments
แถมอีกนิดว่าทางร้านไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบค่ะ เดาว่านอกจากจะกลัวไปรบกวนลูกค้าท่านอื่นแล้ว หน้าร้านยังไม่มีพื้นที่  ทำให้เวลาต่อคิวกันต้องยืนตามขั้นบันได ถ้ามีเด็กวัยกำลังซนมาด้วยก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง

****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-****

จากสถานีชินจุกุ ให้ออกทาง East Exit ด้านเดียวกับห้าง LUMINE EST แล้วเดินข้ามถนนไปทางฝั่งร้าน TOPSHOP เดินตรงไปราว 200 เมตร จะเห็นซอยเล็กๆที่มีร้าน BEAMS ตรงหัวมุม ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยได้เลยค่ะ  ร้านจะอยู่ในตึก Nichihara Building ทางซ้ายมือ มีป้ายโลโก้ร้านอยู่หน้าอาคารเด่นชัดทีเดียว เดินลงบันไดที่อยู่หน้าตึกลงไปชั้นใต้ดิน (B1) ก็จะเจอหน้าร้านเลย  สำหรับผู้สูงอายุแข้งขาไม่ดีก็มีลิฟท์ให้บริการ   แต่กับมื้อกลางวันที่คิวยาวถึงบนถนนนี่ถ้าจะลงลิฟท์ไปก็ควรมีเพื่อนหรือญาติยืนต่อคิวไว้ให้อยู่ดี  เพราะเท่าที่ดูทางร้านไม่มีระบบจดชื่อจดคิว  ให้ยืนต่อแถวกันไปง่ายๆเอาน่ะค่ะ
30 views
0 likes
0 comments
20 views
0 likes
0 comments
ภายในร้านพื้นที่ไม่มากนัก  แต่ก็จัดสรรเป็นสัดส่วนดี  มีทั้งกั้นฉากเป็นห้องสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่ม และที่นั่งติดเคาน์เตอร์ซึ่งสามารถนั่งดูเหล่าเชฟทำอาหารไปได้เพลินๆ   แต่ละคนทำงานกันว่องไวมองแทบไม่ทัน  ทั้งเลาะเนื้อปลาแบบใช้มือเปล่ารูดปรื๊ด-รูดปรื๊ด  ดูเหมือนง่ายอย่างกับลอกสติ๊กเกอร์  ปรุงซาชิมิแบบคล่องแคล่วสุดๆไม่ถึงนาทีเสร็จไป 10 จาน ..สุดยอดไปเลย****-Lunch  Set-****

วัตถุดิบหลักในเมนูชุดเซ็ทอาหารกลางวันก็คือปลาอิวาชิหรือปลาซาร์ดีนนั่นเอง  โดยนำมาปรุงเป็น 4 แบบให้เลือก  ซึ่งถ้าสั่งเป็นเซ็ทก็จะมีซุป  ผักดอง และข้าวให้ด้วย  ถ้าใครทานข้าวถ้วยเดียวไม่อิ่มสามารถเติมถ้วยที่สองได้ฟรี  หลังจากนั้นคิดตังค์จ้ะ   ส่วนใครอยากสั่งเฉพาะจานหลักมาทานเล่นต่างหากก็มีให้สั่งเดี่ยวๆเป็น side dish ได้  ราคาก็ย่อมเยาว์ลงมาอีกหน่อย   สำหรับเครื่องดื่มนั้นมีชาเขียวร้อนเสิร์ฟให้ฟรีทุกคนอยู่แล้ว ดีงามจริงๆ
27 views
0 likes
0 comments
● Yanagawanabe (ราคา Set = 900 เยน : Side Dish = 700 เยน) - เซ็ทที่แพงที่สุดนี้คือซาร์ดีนที่เอาไปทอดจนกรอบกินได้ทั้งตัว นำมาปรุงกับหอมใหญ่พอให้มีซุปขลุกขลิก ราดไข่กึ่งสุกกึ่งดิบมาด้วย เสิร์ฟมาใน hot plate ร้อนฉ่าทีเดียว  ชิมดูแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี  ไม่มีคาวปลา และไม่เลี่ยนเลย  ผักดองที่เคียงมาในเซ็ทนั้นรสชาติเหนือชั้นแบบชิมดูแล้วรู้ว่าของทางร้านทำเองแน่ๆ ส่วนซุปนั้นเป็นซุป miso ที่ใส่มาทั้งไข่  หอมใหญ่ซอย  และเต้าหู้  ได้ออกมาเป็นรสชาติที่ได้สมดุลกึ่งเค็มกึ่งหวาน ไม่เค็มจนเกินไปแต่ก็เข้มข้น  อร่อยค่ะ
Yanagawanabe set
¥900
50 views
0 likes
0 comments
Yanagawanabe set
¥900
31 views
0 likes
0 comments
● Deep-Fried (ราคา Set = 800 เยน : Side Dish = 350 เยน / 600 เยน)  –   คราวนี้เอาปลาซาร์ดีนไปทอดกรอบกริ๊บแล้วเสิร์ฟเคียงมากับ  ผักดอง   ถั่วงอกคลุกผงกะหรี่หอมๆ   เลมอน 1 ซีก  และ mustard  เป็นส่วนประกอบที่เอามาทานด้วยกันได้ลงตัวสุดๆค่ะ ชอบมากมาย
Deep-Fried Iwashi
¥800
66 views
0 likes
0 comments
● Sashimi (ราคา Set = 800 เยน : Side Dish = 350 เยน / 600 เยน)  – อันที่จริงปริมาณอาหารในเซ็ทนั้น  สั่งแค่คนละเซ็ทเดียวก็อิ่มแล้ว สามารถปิดดีลมื้อนี้ที่คนละ 800-900 เยนได้เลยล่ะ    แต่ความที่มาแล้วทั้งทีก็อยากจะลองหลายๆอย่าง   เราเลยสั่งซาชิมิจานเล็กมาเป็น side dish ทานเล่นๆอีก 350 เยน   ปรากฏว่าเป็นจานที่อร่อยฟินที่สุดในมื้อค่ะ     ทั้งๆที่เป็นปลาซาร์ดีนดิบๆแต่กลับไม่มีคาวเลยซักนิด   ส่วนรสชาติก็กำลังเป๊ะ  เนื้อปลาทั้งนุ่มทั้งมัน  ได้รสเปรี้ยวนิดๆจากเลมอนที่ไม่ได้จัดจ้านจนกลายเป็นยำ แต่ช่วยเสริมรสให้สดชื่น  สอดรับกันดีกับกลิ่นหอมของงา   และสาหร่ายสดๆที่รองก้นถ้วยมา    กับเมนูนี้แม้ว่าจะอร่อยที่สุดแต่ไม่แนะนำให้สั่งเป็นเซ็ทค่ะ  เพราะคิดว่ารสชาติเค้าปรุงมาได้ลงตัวที่สุดแล้ว  ทานเปล่าๆจะอร่อยที่สุด  ถ้าเอามาทานกับข้าวก็จะจืดไปน่ะนะ
Sashimi (Small)
¥350
38 views
0 likes
0 comments
● Boiled with Soy Sauce (ราคา Set = 800 เยน : Side Dish = 600 เยน) – ก็คือเอาปลาซาร์ดีนไปต้มซีอิ๊วนั่นเอง ที่จริงเคยอ่านรีวิวหลายคนก็บอกว่าอร่อย

แต่มีข้อควรระวังคือปลาซาร์ดีนนั้นตัวก็เล็ก ก้างก็เล็กเกะกะ  ถ้าคนแกะก้างปลาไม่เก่งจะทานลำบาก ฟังแล้วเราก็เลยแหยงๆไม่กล้าสั่งมาลองน่ะค่ะ

****-The Verdict-****

ปลาซาร์ดีนนั้นแม้จะมีข้อดีที่ราคาไม่แพง  แต่ก็มีกลิ่นเฉพาะตัวที่แรงเอาการ แถมยังมีไขมันสูงทำให้เสียเร็ว คาวง่าย   ดังนั้นจึงกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายฝีมือเชฟว่านอกจากจะต้องเลือกปลาเก่งแล้ว   ยังต้องมีความชำนาญและเทคนิคการปรุงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย    ซึ่งจากที่ได้ลองชิมไปครั้งนี้ก็ต้องบอกว่าทางร้านทำได้ดีไม่มีพลาด    แสดงทักษะฝีมือและโชว์ความละเมียดละไมในรายละเอียดได้สมกับที่เป็นร้านติดดาวมิชลิน    แถมความที่ปลาซาร์ดีนมีราคาถูก  ก็เลยทำให้ทางร้านทำเซ็ทอาหารกลางวันออกมาได้ราคาเป็นมิตรสุดๆ  เมื่อเทียบรสชาติ – ราคา – คุณภาพแล้วก็เลยต้องมอบ 5 ดาวให้อย่างไร้ข้อกังขา   ...แต่ถึงยังไงซาร์ดีนก็คือซาร์ดีนค่ะ จะให้ฟินเท่าอาหารวัตถุดิบไฮโซยอดนิยมที่ราคาสูงลิ่วอย่างเนื้อวัววากิว   โอโทโร่   ขาปูยักษ์...ฯลฯ นั้นก็คงเหมือนมวยคนละรุ่นที่จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้  ดังนั้นถ้าใครอยากลองร้านมิชลิน 1 ดาวร้านนี้แบบอลังการเต็มฝีมือ  โดยไม่มีข้อจำกัดด้านวัตถุดิบล่ะก็ ขอให้มาตอนมื้อเย็นจะดีกว่า  แต่ก็ต้องเตรียมงบมาอย่างน้อยๆก็ซัก 15,000 เยนเป็นอย่างต่ำล่ะนะคะ  ไว้ถ้ามาเที่ยวแถวชินจูกุเมื่อไหร่ก็ลองเลือกจัดดูได้เลยค่ะ
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
Post
DETAILED RATING
Taste
Decor
Service
Hygiene
Value
Date of Visit
2016-09-28
Waiting Time
30 Minutes (Dine In)
Spending Per Head
¥1050 (Lunch)
Recommended Dishes
Yanagawanabe set
¥ 900
Yanagawanabe set
¥ 900
Deep-Fried Iwashi
¥ 800
Sashimi (Small)
¥ 350
  • Sardine Sashimi
  • Deep Fried Sardine
  • Yanagawanabe