Read full review
2016-10-09
364 views
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นเป็นสวรรค์ของนักกินผู้สรรหาอาหารอร่อย ยิ่งเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวโตเกียว – เมืองที่ครองแชมป์มีจำนวนร้านอาหารที่ได้ Michelin Stars มากที่สุดในโลกโดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างปารีสไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว – แม้ทริปนี้จะมาแบบงบน้อยใช้สอยประหยัด ก็ยังอยากลองฝีมือร้านติดดาวมิชลินดูซักมื้อเป็นประสบการณ์กับเค้าบ้างล่ะค่ะ ซึ่งร้าน Nakajima หรือที่มีชื่อเต็มยาวๆว่า Shinjuku Kappo NAKAJIMA นี่เองคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์สุดๆ****-Profile-****Nakajima เป็นร้านสไตล์ Kaiseki ระดับ 1 Michelin Star ซึ่ง owner chef คือคุณ Sadaharu Nakajima นั้นมีประวัติครอบครัวเป็นหลานปู่ของ Teijiro Nakajima ผู้เป็น Head Chef
****-Profile-****
Nakajima เป็นร้านสไตล์ Kaiseki ระดับ 1 Michelin Star ซึ่ง owner chef คือคุณ Sadaharu Nakajima นั้นมีประวัติครอบครัวเป็นหลานปู่ของ Teijiro Nakajima ผู้เป็น Head Chef คนแรกของร้านอาหาร Hoshigaoka Saryo ซึ่งเป็นของศิลปินชื่อดังในยุคโชวะคือ Rosanjin Kitaoji – เรียกได้ว่ามีเชื้อสายสืบทอดฝีมือด้านทำอาหารฝังมาใน DNA เลยทีเดียวค่ะ เมนูที่ร้าน Nakajima เชี่ยวชาญเป็นพิเศษนั้นจะเป็นพวก Owan หรือซุปสไตล์ญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ทำให้ร้านนี้โดดเด่นเป็นที่ฮือฮากันมากก็คือ lunch set ราคาประหยัดที่ทำให้อิ่มได้ในงบไม่ถึง 1,000 เยนนี่เอง บอกได้คำเดียวว่าคุ้มสุดๆค่ะ
****-เวลาทำการ-****
ทางร้านจะแบ่งเวลาทำการเป็น 2 ช่วง (แต่ชุดเซ็ทราคาประหยัดจะมีเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น) ตามนี้ค่ะ
Lunch = 11:30-14:00 (Last Order 13:45)
Dinner = 17:30-21:30 (Last Order 20:00)
มื้อค่ำนี่ถ้าใครอยากมาทานสามารถสำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์ได้ แต่มื้อกลางวันจะไม่รับจองค่ะ ดังนั้นก็เลยได้เห็นคิวยาวต่อแถวกันจากหน้าร้านเลื้อยขึ้นบันไดต่อไปถึงริมถนนเป็นเรื่องปกติ ทำให้แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย ปรากฎว่าเอาเข้าจริงก็รอไม่นานเท่าที่กลัว เพราะทางร้านบริหารจัดการเป็นระบบดี เคลียร์ลูกค้าได้ว่องไว อย่างเราไปถึงตอนเที่ยงของวันธรรมดาพอดีเป๊ะ ซึ่งกำลังเป็นช่วงพีคของวันนั้นเลย ก็รอคิวประมาณ 30 นาทีได้ ซึ่งถ้าไปถึงก่อนร้านเปิด หรือเลยบ่ายโมงไปแล้ว คิวก็จะสั้นกว่านี้ (น่าจะประมาณ 20 นาที) แต่ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ก็อาจรอนานกว่านี้ได้นะคะ แถมอีกนิดว่าทางร้านไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบค่ะ เดาว่านอกจากจะกลัวไปรบกวนลูกค้าท่านอื่นแล้ว หน้าร้านยังไม่มีพื้นที่ ทำให้เวลาต่อคิวกันต้องยืนตามขั้นบันได ถ้ามีเด็กวัยกำลังซนมาด้วยก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง
****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-****
จากสถานีชินจุกุ ให้ออกทาง East Exit ด้านเดียวกับห้าง LUMINE EST แล้วเดินข้ามถนนไปทางฝั่งร้าน TOPSHOP เดินตรงไปราว 200 เมตร จะเห็นซอยเล็กๆที่มีร้าน BEAMS ตรงหัวมุม ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยได้เลยค่ะ ร้านจะอยู่ในตึก Nichihara Building ทางซ้ายมือ มีป้ายโลโก้ร้านอยู่หน้าอาคารเด่นชัดทีเดียว เดินลงบันไดที่อยู่หน้าตึกลงไปชั้นใต้ดิน (B1) ก็จะเจอหน้าร้านเลย สำหรับผู้สูงอายุแข้งขาไม่ดีก็มีลิฟท์ให้บริการ แต่กับมื้อกลางวันที่คิวยาวถึงบนถนนนี่ถ้าจะลงลิฟท์ไปก็ควรมีเพื่อนหรือญาติยืนต่อคิวไว้ให้อยู่ดี เพราะเท่าที่ดูทางร้านไม่มีระบบจดชื่อจดคิว ให้ยืนต่อแถวกันไปง่ายๆเอาน่ะค่ะ ภายในร้านพื้นที่ไม่มากนัก แต่ก็จัดสรรเป็นสัดส่วนดี มีทั้งกั้นฉากเป็นห้องสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่ม และที่นั่งติดเคาน์เตอร์ซึ่งสามารถนั่งดูเหล่าเชฟทำอาหารไปได้เพลินๆ แต่ละคนทำงานกันว่องไวมองแทบไม่ทัน ทั้งเลาะเนื้อปลาแบบใช้มือเปล่ารูดปรื๊ด-รูดปรื๊ด ดูเหมือนง่ายอย่างกับลอกสติ๊กเกอร์ ปรุงซาชิมิแบบคล่องแคล่วสุดๆไม่ถึงนาทีเสร็จไป 10 จาน ..สุดยอดไปเลย****-Lunch Set-****
วัตถุดิบหลักในเมนูชุดเซ็ทอาหารกลางวันก็คือปลาอิวาชิหรือปลาซาร์ดีนนั่นเอง โดยนำมาปรุงเป็น 4 แบบให้เลือก ซึ่งถ้าสั่งเป็นเซ็ทก็จะมีซุป ผักดอง และข้าวให้ด้วย ถ้าใครทานข้าวถ้วยเดียวไม่อิ่มสามารถเติมถ้วยที่สองได้ฟรี หลังจากนั้นคิดตังค์จ้ะ ส่วนใครอยากสั่งเฉพาะจานหลักมาทานเล่นต่างหากก็มีให้สั่งเดี่ยวๆเป็น side dish ได้ ราคาก็ย่อมเยาว์ลงมาอีกหน่อย สำหรับเครื่องดื่มนั้นมีชาเขียวร้อนเสิร์ฟให้ฟรีทุกคนอยู่แล้ว ดีงามจริงๆ ● Yanagawanabe (ราคา Set = 900 เยน : Side Dish = 700 เยน) - เซ็ทที่แพงที่สุดนี้คือซาร์ดีนที่เอาไปทอดจนกรอบกินได้ทั้งตัว นำมาปรุงกับหอมใหญ่พอให้มีซุปขลุกขลิก ราดไข่กึ่งสุกกึ่งดิบมาด้วย เสิร์ฟมาใน hot plate ร้อนฉ่าทีเดียว ชิมดูแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่มีคาวปลา และไม่เลี่ยนเลย ผักดองที่เคียงมาในเซ็ทนั้นรสชาติเหนือชั้นแบบชิมดูแล้วรู้ว่าของทางร้านทำเองแน่ๆ ส่วนซุปนั้นเป็นซุป miso ที่ใส่มาทั้งไข่ หอมใหญ่ซอย และเต้าหู้ ได้ออกมาเป็นรสชาติที่ได้สมดุลกึ่งเค็มกึ่งหวาน ไม่เค็มจนเกินไปแต่ก็เข้มข้น อร่อยค่ะ
¥900
50 views
0 likes
0 comments
¥900
31 views
0 likes
0 comments
¥800
66 views
0 likes
0 comments
¥350
38 views
0 likes
0 comments
แต่มีข้อควรระวังคือปลาซาร์ดีนนั้นตัวก็เล็ก ก้างก็เล็กเกะกะ ถ้าคนแกะก้างปลาไม่เก่งจะทานลำบาก ฟังแล้วเราก็เลยแหยงๆไม่กล้าสั่งมาลองน่ะค่ะ
****-The Verdict-****
ปลาซาร์ดีนนั้นแม้จะมีข้อดีที่ราคาไม่แพง แต่ก็มีกลิ่นเฉพาะตัวที่แรงเอาการ แถมยังมีไขมันสูงทำให้เสียเร็ว คาวง่าย ดังนั้นจึงกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายฝีมือเชฟว่านอกจากจะต้องเลือกปลาเก่งแล้ว ยังต้องมีความชำนาญและเทคนิคการปรุงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งจากที่ได้ลองชิมไปครั้งนี้ก็ต้องบอกว่าทางร้านทำได้ดีไม่มีพลาด แสดงทักษะฝีมือและโชว์ความละเมียดละไมในรายละเอียดได้สมกับที่เป็นร้านติดดาวมิชลิน แถมความที่ปลาซาร์ดีนมีราคาถูก ก็เลยทำให้ทางร้านทำเซ็ทอาหารกลางวันออกมาได้ราคาเป็นมิตรสุดๆ เมื่อเทียบรสชาติ – ราคา – คุณภาพแล้วก็เลยต้องมอบ 5 ดาวให้อย่างไร้ข้อกังขา ...แต่ถึงยังไงซาร์ดีนก็คือซาร์ดีนค่ะ จะให้ฟินเท่าอาหารวัตถุดิบไฮโซยอดนิยมที่ราคาสูงลิ่วอย่างเนื้อวัววากิว โอโทโร่ ขาปูยักษ์...ฯลฯ นั้นก็คงเหมือนมวยคนละรุ่นที่จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครอยากลองร้านมิชลิน 1 ดาวร้านนี้แบบอลังการเต็มฝีมือ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านวัตถุดิบล่ะก็ ขอให้มาตอนมื้อเย็นจะดีกว่า แต่ก็ต้องเตรียมงบมาอย่างน้อยๆก็ซัก 15,000 เยนเป็นอย่างต่ำล่ะนะคะ ไว้ถ้ามาเที่ยวแถวชินจูกุเมื่อไหร่ก็ลองเลือกจัดดูได้เลยค่ะ
Post